28 ธ.ค. 54 - 1 ม.ค. 55 เที่ยวเชียงใหม่

อันดับแรกขอแนะนำตัวเองก่อนน่ะครับ ผม วิษณุ  ธุระงาน หรือ วุฒิครับ

..............................................................................................................................
ก่อนออกเดินทาง ผมสองจิตสองใจว่าจะไปที่เชียงใหม่ดีมั้ย เพราะว่าต้องติดรถไปกับเพื่อน "แบบว่าเราต้องประหยัดเพราะไปคนเดียว" ไปที่เชียงใหม่ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักใคร และไปคนเดียวด้วยครับ
ออกจากกรุงเทพฯ ตอนประมาณ เกือบ 3 ทุ่มครับ ตามเส้นทางขึ้นเหนือเลย ผมก็ได้รับเกียรติเป็นอย่างมากที่ได้นั่งหน้ากับคนขับ ซึ่งคนขับปกติไม่คุ้นเคยกันก็จะมีการตกใจและไม่ค่อยวางใจเท่าไร ใช่มั้ยครับ แต่ผมก็ต้องไปเพราะอยากไป และคุยกับลุงคนขับไปตลอดทาง แต่ก็มีตอนเผอหลับบ้างเป็นครั้งคราวครับ การเดินทางครั้งนี้มีทั้งสุขและทุกข์ไปพร้อมๆ กัน อันดับแรก ชวนเพื่อนไป ไม่มีใครไป แถมยังเจอในสิ่งที่ตนเองไม่อยากเจอ แต่ก็ต้องไป

ในที่สุดผมก็มาถึงเหนือ แต่เพื่อนๆ บนรถตู้ก็พาแวะกินข้าวที่ จ.ลำพูน เป็นร้านก๊วยเตี๋ยวลำไยถ้าเกิดว่าจำไม่ผิดน่ะครับ อร่อยดี แปลกตาตั้งหาก ท้องอิ่มแล้ว จุดหมายปลายทางต่อไปก็คือ บ่อน้ำพุร้อนสันกำแพง เป็นบ่อน้ำร้อนที่สามารถต้มไข่ได้จนกระทั้งสุขมัน amazing จริงๆ ครับ

จากนั้นก็หมดเวลาสนุกที่บ่อน้ำพุร้อนสันกำแพง ผมก็ขอเพื่อนผมลงที่แยกแม่โจ้ เพราะว่าเพื่อนผมมุ่งหน้าไปยัง จ.เชียงราย นี่แหละคือจุดเริ่มต้นความสนุกของผมครับ
ต่อจากนี้ไปคือความท้าทาย เพราะว่าไม่รู้จักใครเลยในเชียงใหม่ ไปแบบอยากไป แบบกระเป๋าใบเดียว อันดับแรกสิ่งหนึ่งที่กลัวมากเลยก็คือ ช่วงเทศกาลที่พักเต็มหมด แบ็ตโทรศัพย์ก็จะหมด หาโรงแรมก็ไม่ได้ โทรไปก็บอกว่าเต็ม แต่สุดท้ายก็ต้องขอบคุณที่ยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่ครับ ผมไม่รอช้าเดินเข้าไปถาม ในราคา เท่าไรครับให้ทาย อิอิอิอิ ราคา 800 บ. เซ็งเลยอ่ะ แพงสำหรับผมคนเดียว เจ้าของยังบอกว่าพักได้ไม่จำกัดด้วยน่ะ (พี่ครับผมมาคนเดียว) แต่เพื่อไม่ให้หน้าแตกเอาก็เอา ผมเลยนอน 1 คืน พรุ่งนี้เช้าคิดกันใหม่แล้วกัน


นี่คือห้องนอน 800 บ. ครับ


ก่อนนอนผมก็ออกหากิน เอ้ยกินข้าวน่ะครับ ไปกินสเต็กบุ๊ฟเฟ่ ครบทุกอย่าง 88 บ. คงจะถูกใจหลายๆ คนที่ไปนั่งทาน มองดูแล้วตัวใหญ่ทั้งนั้นเลย เพราะว่า 88 บ. กินได้ไม่อั้นนี่แหละ มีแต่หมู เนื้อทั้งนั้นเลยครับ
น่าเสียดายไม่รู้จักชื่อร้านและไม่ได้เก็บภาพมาฝาก

พอตอนเช้ามาถึงก็เดินหาที่กินข้าว ไปกินร้านหน้า มช. คงไม่ต้องบอกน่ะครับ มช. คืออะไร เป็นร้านซึ่งผมกะเพื่อนๆ เคยไปนั่งกินกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ปี 2 ไปเที่ยวด้วยกันตอนนั้น นั่งกินกับเพื่อนกับนั่งกินคนเดียวมันช่างแตกต่างกันเป็นเอามาก

     ปกติร้านใหญ่กว่านี้น่ะครับ หน้า มช. ทางขึ้นดอยสุเทพ


จากนั้นก็หาที่พักต่อแต่ก็ได้แถวๆ นั้นเหมือนเดิมแหละครับ แต่ว่าราคาลดลงมาครึ่งหนึ่ง คือ 400 บ. แต่ไม่มี TV ให้ พักอยู่ที่นี่ 2 คืน ด้วยกัน  
                                                                    


เอาเป็นว่าผมเล่าแบบไปเร็วๆ เลยแล้วกันน่ะครับ พอถึงช่วง เคาร์ดาว ก็ได้ไปร่วมกับเหล่าบรรดานักร้อง Thestar หลายคนมากจำไม่ได้ (เพราะไม่สำคัญ) ที่ประตูท่าแพ ตัวเมืองเชียงใหม่ สิ่งหนึ่งที่เห็น คือช่วงนับถอยหลังตอนจุดประทัดทำไมถึงมาจุดใกล้คนดู แตกอยู่บนหัวผมไม่ใกล้ไม่ไกล น่ากลัวมากๆ ครับ ถ้าเกิดระเบิดคงไม่เหลือครับวันนั้น น่าที่น่าตื่นเต็นระหว่างกลับรองทายดูครับว่าผมเจออะไร (แต่ผมยังไม่บอก จะทำวิจัยดูว่ามีคนอ่านมั้ย ถ้าเกิดอ่านแล้วสนใจที่จะรู้ต้องโพสถามที่ facebook น่ะครับ เอาเป็นว่าเข้าใจกัน

พอมาถึงวันที่ 1 ม.ค. 55 ผมก็ไม่รอช้ารีบไปที่สถานีรถไฟโดยด่วนเพราะว่าเครื่องบินเต็ม รถทัวร์เต็ม รถไฟก็ไปแบบมั่วๆ แต่ก็ยังดีที่ไปแล้วมีที่นั่ง นั่งแบบนอนด้วยน่ะครับ ราคา เกือบ 900 บ. หลับยาวสะบายเลย แต่ขณะที่รอรถไฟ ช่วงเช้าผมก็ไปเดินเล่นที่พืชสวนโลก นึกว่าจะอลังการงานสร้าง ที่แท้ก็เป็นสวนสาธารณะนี่เอง อิอิอิ แต่ก็สนุกดีครับ สวยงามเหมือนกัน ในหลายๆ มุม


ภาพเเห่งความประทับใจครับ

นี่คือแผนที่คู่ใจเที่ยวสวนสัตว์ครับ




ผมชอบมากน่ารักครับ คนเป็นแสนไปดู



ชิงช้ารอยฟ้า หากจำชื่อไม่ผิดน่ะครับ นศ. มีส่วนลดพอดีวันนั้นไม่ได้เตรียมชุด นศ. ไปด้วย



หอเชียงคำ จุดนี้ก็สวยมากครับ และมูลค่าที่สร้างก็แพงมหาศาลถึง 93 ล้านบาท แพงเว้ออ่ะ



อีกมุมครับผม...สวยมั้ย


และนี่แหละครับทริป ช่วงปีใหม่ของผม แม้ว่าผมจะเดินทางคนเดียวหรือบางคนอาจจะบอกว่าสิ้นเปลือง (ทำไงได้ชวนใครไม่มีใครไป ก็อยากไป) แต่ภาพที่ผมเห็น ผู้คนที่ยิ้มให้ และสิ่งหนึ่งที่จะอยู่กับผมนั่นก็คือความทรงจำ ที่ผมทำอะไรคนเดียว กินข้าวคนเดียว แต่มันมีความสุขครับ

และสุดท้ายนี่ผมก็หวังว่าคุณผู้อ่านก็มีสถานที่แห่งความประทับใจเช่นเดียวกันกับผมน่ะครับ และสิ่งหนึ่งที่สำคัญได้โปรดแชร์ความรู้สึกให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสด้วยน่ะครับ เพื่อเค้าจะได้ความรู้สึกดีดีแบบเรา

ทริปนี้ขอขอบพระคุณพ่อกับแม่ ที่ให้เงินสนับสนุนครับ ขอบคุณตัวผมเองที่ดิ้นรนไปไกลมากๆ ขอบคุณผู้ที่ไม่อยากให้ผมไปเพราะเป็นห่วง และที่สำคัญครับขอบคุณผู้อ่านมากๆ ครับ ที่อ่านจนกระทั้งจบ มีอะไรอีกมากมายครับที่ผมไม่ได้เขียนอธิบายลงไป เพราะมันอยู่ในความทรงจำของผม เพราะฉะนั้นหากอยากรู้ว่าเป็นยังไง คุณต้องลองครับ



โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความสุข ความสงบ ณ วัดภูเก็ต อ.ปัว จ.น่าน

วัดศรีมงคล (ก๋ง) อ.ท่าวังผา จ.น่าน